เปิดตำนานสุนัขไทยบางแก้วสีขาว-เทา
สวัสดีครับ หลังจากผ่านพ้นไปในสองฉบับแรกเกี่ยวกับสุนัขไทยบางแก้วที่ได้นำมาเล่าเรื่องราวความเป็นไปเป็นมาของสายพันธุ์ รวมถึงมาตรฐานสายพันธุ์ให้ได้รู้ ได้เข้าใจในลักษณะของสุนัขไทยบางแก้วสำหรับผู้สนใจไปแล้ว ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นเปรียบได้ดังตำนานการเกิดสุนัขสายพันธุ์แท้ของไทยอีกสายพันธุ์หนึ่ง และในฉบับนี้อยากจะนำเสนออีกตำนานหนึ่งของสุนัขไทยบางแก้ว ซึ่งดูแล้วจะแตกต่างจากสุนัขไทยบางแก้วสีอื่นๆ ดูลักษณะแล้วใกล้เคียงกับสุนัขสายพันธุ์ต่างประเทศเหลือเกิน ซึ่งก็คือสุนัขสีขาว-เทา นั่นเอง...
สุนัขไทยบางแก้วสีขาว-เทานั้น กำเนิดขึ้นในราวปี 2530 เป็นต้นมา (หรือจะเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหรือเปล่าก็ไม่ปรากฏเป็นหลักฐานให้ได้ศึกษาอย่างชัดเจน) โดยการสร้างสรรค์พัฒนา และปรับปรุงพันธุ์ขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาเกือบ 20 ปี โดยเฮียวิรัต (โอเล่เฮ้าท์ในอดีต) ซึ่งเป็นผู้สร้างสรรค์สุนัขไทยบางแก้วสีขาว-เทา ให้เห็นกันในปัจจุบันนี้
ขอกล่าวถึงประวัติและความเป็นมาของผู้สร้างสรรค์สุนัขไทยบางแก้วสีนี้ให้ผู้อ่านได้รู้จักกันพอสมควร (จากการบอกเล่าของเฮียเอง) เฮียวิรัต เป็นนักเรียนนอกในสมัยนั้นจบมาจากประเทศเยอรมัน และเป็นผู้ที่มีความชื่นชอบในการเลี้ยงสุนัขมาก โดยสุนัขที่เลี้ยงและชื่นชอบในตอนนั้น คือ สุนัขพันธุ์เยอรมันเชฟเพิร์ด เฮียบอกว่าในสมัยนั้นผู้ที่เลี้ยงสุนัขเยอรมันเชฟเพิร์ด คือสุดยอดของนักเลี้ยงสุนัขแล้ว แต่เฮียเป็นคนพิษณุโลก เมื่อกลับมาอยู่พิษณุโลก ด้วยความมีชื่อเสียงในการเลี้ยงสุนัขพันธุ์เยอรมันเชฟเพิร์ด จึงมีคนเชื่อเชิญให้เฮียเข้ามาช่วยกันพัฒนาสุนัขไทยบางแก้วให้สวยงามและก้าวขึ้นสู่ระดับสากล
ด้วยความที่เป็นสุนัขของบ้านเกิดเฮียจึงตัดสินใจจะเลี้ยง และพัฒนาสุนัขไทยบางแก้วในดีขึ้นจากความรู้และประสบการณ์ที่มีมาจากการเลี้ยงสุนัขเยอรมันเชฟเพิร์ดจากประเทศเยอรมัน เฮียจึงใช้แนวทางการพัฒนาตามแบบของการพัฒนาสายพันธุ์สุนัขเชฟเพิร์ด และศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขไทยบางแก้ว ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีลักษณะเฉพาะตัวอย่างไร รวมถึงรูปร่าง และองค์ประกอบอื่นๆ ของสุนัขไทยบางแก้วอย่างละเอียด จึงทำให้เฮียมองไปถึงว่าลักษณะของสุนัขไทยบางแก้วอย่างไร ที่จะพัฒนาให้ไปสู่ระดับสากลได้ (ซึ่งในเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่สะสมมาเป็นเรื่องอธิบายให้เข้าใจกันยากและเป็นรูปแบบความชอบของแต่ละบุคคล) ถ้าหาสุนัขต้นแบบตามที่เฮียต้องการได้ก็จะเลี้ยงและพัฒนาสุนัขไทยบางแก้ว แต่ถ้าหาไม่ได้ก็จะหยุด เพราะไม่มีตัวต้นแบบที่ชัดเจน คือไม่มีสุนัขไทยบางแก้ว ตัวใดที่มีลักษณะตามต้องการเป็นตัวตนจริงๆ มีแต่ภาพตามจินตนาการใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้
จากนั้นเฮียจึงเริ่มออกหาสุนัขตัวต้นแบบตามที่ต้องการทั่วทั้งเมืองพิษณุโลก ก็ไม่เจอ หาอยู่นานจนจะเลิกหาอยู่แล้ว เพราะที่ไปดูมาทุกที่ก็เป็นสุนัขไทยบางแก้วทั้งสิ้น แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หาลักษณะตามที่ต้องการในการจะนำไปเป็นตัวต้นแบบไม่ได้เลย สุนัขไทยบางแก้วในสมัยนั้นที่เฮียเห็นนั้นไม่แตกต่างจากสุนัขพื้นบ้านทั่วไปเท่าใดนัก จวบจนกระทั่งวันหนึ่งเฮียได้เข้าไปดูสุนัขในค่ายทหารที่คนเลี้ยงเอามาฝึก และไปเห็นสุนัขไทยบางแก้วตัวหนึ่งที่มีลักษณะถูกตาถูกใจตามที่เฮียต้องการ คือเป็นสุนัขที่มีลักษณะคล้ายกับหมาป่า(สุนัขจิ้งจอก) ตามที่บอกเล่าต่อกันมาว่าสุนัขไทยบางแก้วเป็นสุนัขลูกผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างสุนัขบ้านและสุนัขป่า มีลักษณะขน และบุคลิกท่าทางที่เฮียชอบ ทั้งๆที่ขณะนั้นสุนัขตัวนั้นเป็นขี้เรื้อนด้วยซ้ำ เฮียจึงถามซื้อจากเจ้าของ แต่ในขณะนั้นเจ้าของไม่ยอมขาย ด้วยความชื่นชอบแม้เจ้าของไม่ยอมขายให้ก็ตาม เฮียก็ยังเอายาไปรักษาให้จนหายดี เมื่อสมบูรณ์ดีแล้วสุนัขตัวนี้เป็นสุนัขที่สวยมากตามที่เฮียได้เคยเห็นสุนัขไทยบางแก้วมาในสมัยนั้น หลังจากนั้นไม่นานเจ้าของสุนัขมีความต้องการใช้เงินจึงยอมขายสุนัขตัวดังกล่าวให้กับเฮียด้วยราคาถึงสี่หมื่นบาท(ปี2530) สุนัขไทยบางแก้วตัวนั้น ก็คือ “โอเล่” ตำนานสุนัขไทยบางแก้วสีขาว-เทา นั่นเอง
หลังจากที่ได้สุนัขไทยบางแก้วตัวต้นแบบในการพัฒนาแล้ว ด้วยประสบการณ์และความรู้ในการเลี้ยงและเพาะพันธุ์สุนัขเยอรมันเชฟเพิร์ด (ก่อนที่จะทำการเพาะพันธุ์เพื่อพัฒนาสายพันธุ์เพื่อความแน่ใจของตัวเฮียเอง ยังได้เชิญเพื่อนชาวเยอรมันผู้ที่ให้ความรู้ด้านการพัฒนาสุนัขเยอรมันเชฟเพิร์ด มาชึ้ตัวต้นแบบในการที่จะพัฒนาต่อไปให้เฮียได้แน่ใจจริงๆ อีกครั้ง ว่าสิ่งที่คิดไว้นั้นถูกต้องแล้ว) จึงได้นำความรู้และประสบการณ์นั้นมาใช้ในการพัฒนาสุนัขไทยบางแก้ว ให้พัฒนาขึ้นทั้งด้านโครงสร้าง และคงไว้ซึ่งลักษณะเด่นของตัวต้นแบบ รวมถึงการแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ให้ดีขึ้น หลังจากนั้นเฮียจึงได้ออกค้นหาถึงที่มาของสุนัขตัวต้นแบบ ว่ามาจากไหน บรรพบุรุษเป็นใคร และใครเป็นผู้เพาะพันธุ์สุนัขตัวนี้ขึ้นมา เพื่อจะได้รู้ถึงที่มา เครือญาติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะใช้ในการพัฒนาสายพันธุ์ต่อไป
มารู้จักกับสุนัขไทยบางแก้วตำนานสีขาว-เทากัน “โอเล่” มาจากลุงน้อยแห่งบ้านบางระกำ ต้นกำเนิดของสุนัขไทยบางแก้ว ซึ่งในขณะนั้นจะเข้าไปที่นี่ต้องนั่งเรือเข้าไปเท่านั้นไม่มีถนนเข้าไปถึงหมู่บ้าน เพื่อไปศึกษาหาข้อมูลของ “โอเล่” จากลุงน้อย (ว่าไปแล้วลุงน้อยก็คือบุคคลคนแรกที่เลี้ยงสุนัขไทยบางแก้วสีขาว-เทา นั่นเอง และยังเป็นต้นแบบของคำว่า “หมาบางแก้วต้อง หูเล็ก ปากแหลม เท่านั้น ถ้าไม่ใช่ ไม่ทำ”) ลุงน้อยจึงพาเฮียไปดูถึงจุดกำเนิดของเจ้าโอเล่ให้เฮียได้เห็น ร่วมถึงไปดูพี่น้องร่วมคอกของมัน จากที่เฮียได้ดูและเรียนรู้ถึงจุดกำเนิดแล้วนั้น เฮียจึงเห็นว่าตัวของโอเล่นั้นมีลักษณะที่ถ่ายทอดมาจากย่าที่ชื่อว่า “ลูกหลง” ลูกหลงตัวนี้มีลักษณะที่คล้ายกับสุนัขจิ้งจอกเป็นอย่างมากชอบอาศัยอยู่ตามแนวชายป่า ซึ่งในขณะนั้นมีสุนัขที่มีลักษณะแบบนี้อยู่เพียงแค่ 3 ตัวเท่านั้น คือ “โอเล่” “ดุ๊กดิ๊ก”(พี่น้องร่วมคอกของโอเล่) และ “ลูกหลง” (ผู้เป็นย่าของโอเล่) เท่านั้น เมื่อศึกษาเรียนรู้แล้วเฮียจึงเริ่มที่จะพัฒนาสุนัขไทยบางแก้วสีขาว-เทา ตามรูปแบบที่เฮียต้องการขึ้นมา คือมีลักษณะเอก
ลักษณ์เฉพาะตัว และโครงสร้างที่เป็นสากล ตามรูปแบบการพัฒนาสายพันธุ์ของเฮียที่ได้ศึกษาเรียนรู้มาจากระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านไป เฮียได้พัฒนาและปรับปรุงสายพันธุ์สุนัขไทยบางแก้วสีขาว-เทา จนเป็นที่ยอมรับ และนิยมเลี้ยงของคนทั่วประเทศในปัจจุบัน ด้วยมีความโดดเด่นในเรื่องของลักษณะหน้าตา สีสันของขน เอกลักษณ์ประจำพันธุ์ รูปร่าง และบุคลิกท่าทาง รวมถึงนิสัย อารมณ์ ความเป็นมิตรกับคนในครอบครับ ไม่ก้าวร้าว เลี้ยงง่าย ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สุดของสีขาว-เทา ทุกเรื่องเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เฮียสร้างสรรค์ และแก้ไขให้กับสุนัขไทยบางแก้วสีนี้ทั้งสิ้น
ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลที่จะทำให้ผู้ที่สนใจสุนัขไทยบางแก้วได้เข้าใจว่าทำไมสุนัขไทยบางแก้วสีขาว-เทา จึงมีลักษณะใกล้เคียงกับสุนัขสายพันธุ์ต่างประเทศ ซึ่งแท้จริงแล้วมันเกิดจากสายเลือดไทย และการสร้างสรรค์ด้วยความตั้งใจของผู้ที่ต้องการจะพัฒนาสุนัขไทยสายพันธุ์นี้ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล .....สำหรับผู้รักสุนัขไทย บางแก้ว ที่ยังไม่รู้จักสุนัขสีขาว-เทา อย่าเชื่อในสิ่งที่ผมกล่าวมา ถ้าคุณยังไม่มีมันไว้ในครอบครอง....สวัสดี
|